The Science Of Sport Engineering บริการวิศวกรรม คืออะไร?

บริการวิศวกรรม คืออะไร?

บริการวิศวกรรม

บริการวิศวกรรม (Engineering service) คือ การนำหลักการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มาใช้ในการออกแบบ พัฒนา, ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบ โครงสร้าง, เครื่องจักร และกระบวนการต่าง ๆ ที่ครอบคลุมหลากหลายสาขา ได้แก่ วิศวกรรมโยธา เครื่องกล ไฟฟ้า เคมี การบินและอวกาศ และวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เป็นต้น  

หน้าที่ของผู้บริการวิศวกรรม 

ในงาน Engineering service ผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้าง และนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมเพื่อนำมาใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การก่อสร้าง การผลิต การขนส่ง พลังงาน โทรคมนาคม และการดูแลสุขภาพ กระบวนการทำงานเริ่มจากโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ไปจนถึงการปรับปรุงกระบวนการที่มีอยู่  

และจากการออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงการปรับประสิทธิภาพของระบบให้มีความเหมาะสม ผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมจะใช้เทคโนโลยี และเครื่องมือขั้นสูงในการออกแบบและวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์และระบบ เช่น ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ (CAD) ซอฟต์แวร์จำลอง และการพิมพ์ 3 มิติ และยังทำการวิจัยและพัฒนาเพื่อค้นหาวัสดุ วิธีการ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ความทนทาน และความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์และระบบ 

บริการวิศวกรรมมีความแตกต่างอย่างไรบ้าง 

บริการวิศวกรรมมีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่น วิศวกรบางคนต้องพยายามแก้ไขปัญหาด้านการผลิต แต่บางคนมีหน้าที่รับผิดชอบในด้านอื่น ๆ เช่น การสร้างถนนและการแปรรูปอาหาร เป็นต้น ซึ่งเราก็ได้นำ บริการวิศวกรรม 5รูปแบบมาแนะนำกันแล้ว 

1. วิศวกรรมเครื่องกล (Mechanical Engineering) 

มีหน้าที่ในการออกแบบผลิตผลิตภัณฑ์และเครื่องจักร และยังเป็นหนึ่งในสาขาวิศวกรรมที่มีความหลากหลายมากที่สุด รับผิดชอบในการสร้างสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่ยานอวกาศไปจนถึงเซนเซอร์ไมโครสเกลและชิ้นส่วนรถยนต์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล เช่น การบินและอวกาศ ยานยนต์ การออกแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (CAD) วิทยาการหุ่นยนต์ นาโนเทคโนโลยี และอื่น ๆ  

2. วิศวกรรมไฟฟ้า (Electrical Engineering) 

ทำงานเกี่ยวกับส่วนประกอบ อุปกรณ์ และระบบไฟฟ้า มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนกระทั่งขนาดใหญ่ เช่น ไมโครชิป หรือมีความเกี่ยวข้องกับเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ หนึ่งในวิศวกรไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ โทมัส เอดิสัน ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า   

3. วิศวกรรมอุตสาหการ (Industrial Engineering) 

ใช้วิธีการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวิศวกรรมในการออกแบบอุปกรณ์ อาคาร ระบบข้อมูล และอื่น ๆ  ซึ่งมีความแตกต่างจากสาขาวิศวกรรมอื่น ๆ มาก วิศวกรอุตสาหการมีคุณสมบัติในการทำงานในเกือบทุกอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น วิศวกรอุตสาหการทำงานด้านการดูแลสุขภาพ การเงิน ความบันเทิง เทคโนโลยี การผลิต และอื่น ๆ  

4. วิศวกรรมเคมี (Chemical Engineering) 

ใช้การผสมผสานระหว่างวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยในการแปรรูปอาหาร สร้างสารเคมีอุตสาหกรรม และผลิตยา   

5. วิศวกรรมโยธา (Civil Engineering) 

เป็นหนึ่งในวิชาชีพวิศวกรรมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด มีหน้าที่รับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองและประเทศ ตัวอย่างเช่น วิศวกรโยธาได้สร้างถนน สะพาน เขื่อน และอาคารต่าง ๆ   

สรุปโดยรวมแล้วบริการวิศวกรรมมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการผลักดันนวัตกรรม ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

Related Post

บ้านสำเร็จรูป vs บ้านสร้างเอง

ข้อดีและเสีย สำหรับบ้านสำเร็จรูปกับบ้านสร้างเองข้อดีและเสีย สำหรับบ้านสำเร็จรูปกับบ้านสร้างเอง

            บ้านสำเร็จรูป และ บ้านสร้างเอง อาจจะเป็นสองรูปแบบที่ในปัจจุบันคนที่กำลังจะมีบ้านต้องเลือกกันเยอะในที่นี้ต้องบอกเลยว่าการที่เราจะตัดสินในการเลือกได้ว่าเราจะใช้บ้านแบบไหนดี เราเองก็จะต้องมีการเรียนรู้ข้อดีและข้อเสียก็จะทำให้เรานั้นสามารถที่จะตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงควรที่จะต้องมาเรียนรู้ในเรื่องของข้อดีและข้อเสียจากการที่เราจะเลือกบ้านทั้งสองรูปแบบดูว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง 1. ออกแบบ             ถ้าจะพูดถึงในเรื่องของการออกแบบบ้านด้วยตัวเองนั้นการสร้างเองก็จะเป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า สาเหตุเป็นเพราะเราสามารถปรับแต่งในส่วนของพื้นที่การใช้สอยให้เหมาะสมกับสไตล์การใช้ชีวิตได้ดี แต่ถ้าหากว่าเป็นบ้านสำเร็จรูปในส่วนนี้เราจะไม่สามารถกำหนดเรื่องของการออกแบบได้มากนักดังนั้นนี่จึงเป็นข้อดีข้อเสียระหว่างการเลือกรูปแบบให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ถ้าใครเน้นเรื่องของการออกแบบก็ควรจะเลือกรูปแบบบ้านที่สามารถสร้างเองได้ 2. ความแข็งแรง             ถึงแม้ว่าเราจะมองว่าบ้านสำเร็จรูปทั่วไปนั้นก็จะมีความแข็งแรงและทนทานเป็นของตัวเอง แต่ต้องบอกเลยว่าถ้าเลือกที่จะสร้างเองนั้นเราจะได้รับความแข็งแรงและความมั่นคงที่มากกว่า เพราะในส่วนนี้นั้นเราอาจจะสามารถที่จะเลือกวัสดุที่จะเอามาใช้สำหรับการทำบ้านได้ โดยเฉพาะวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานรวมถึงมีอายุการใช้งานที่นานกว่า ลักษณะนี้ต้องกลายเป็นข้อดีที่น่าสนใจ 3. งบประมาณ             แต่ถ้าหากว่าจะลองเปรียบเทียบกันในเรื่องของงบประมาณที่จะใช้สำหรับบ้านสร้างเองหรือบ้านสำเร็จรูป บอกเลยว่าการเลือกใช้สำหรับบ้านสำเร็จรูปไหนก็จะถูกกว่าการสร้างบ้านด้วยตัวเอง ให้เป็นเพราะว่าตัวบ้านนั้นมีการสร้างมาเสร็จเรียบร้อยแล้วและมีการกำหนดราคาอย่างชัดเจน สำหรับการสร้างบ้านด้วยตัวเองแต่ถ้าหากเป็นบ้านที่ต้องสร้างด้วยตัวเองนั้นก็อาจจะต้องมีงบประมาณที่เพิ่มขึ้นเพราะจะขึ้นอยู่กับเรื่องของวัสดุและค่าแรงที่จะนำมาใช้เพื่อที่จะช่วยในเรื่องของการสร้างบ้าน            

รางเคเบิ้ลเทรย์

ประเภทของรางเคเบิ้ลเทรย์ และข้อดีของรางเคเบิ้ลเทรย์ประเภทของรางเคเบิ้ลเทรย์ และข้อดีของรางเคเบิ้ลเทรย์

รางเดินสายไฟ เป็นอุปกรณ์สำคัญอีกอย่างที่จำเป็นกับงานไฟฟ้า นอกจากจะทำให้สายไฟถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับสายไฟด้วย สำหรับรางที่ใช้ในการเดินสายไฟนั้นก็มีอยู่หลายชนิด หลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะหน้างานที่จะใช้ หากเป็นระบบไฟฟ้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมก็ต้องใช้รางที่แตกต่างจากในบ้าน นั่นก็คือใช้ รางเคเบิ้ลเทรย์ เข้ามาช่วย  สำหรับรางเคเบิลเทรย์ก็มีอยู่หลายชนิด หลายแบบ มีความแตกต่างกันพอสมควร ในการใช้งานผู้ใช้จึงต้องรู้จักกับชนิดของรางก่อน ว่ามีคุณสมบัติเหมือนอย่างที่เราต้องการหรือไม่ เราจะมาดูว่ารางเคเบิ้ลเทรย์ที่มีชายในท้องตลาดนั้นมีแบบไหนบ้าง จะได้เลือกใช้ได้ถูก  ประเภทของรางเคเบิ้ลเทรย์  รางเคเบิ้ลเทรย์ที่ขายในท้องตลาดทุกวันนี้ จะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่  1.รางเคเบิลเทรย์แบบ Corrugate   เป็นรางที่มีการเคลือบด้วยวัสดุ หลักจะมีการเคลือบดังนี้คือ รางเคเบิลเทรย์แบบพ่นสี กับรางเคเบิลเทรย์แบบชุบสังกะสี ลักษณะของรางประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นรู และมีลอนในราง  2.รางเคเบิ้ลเทรย์แบบเบา